การดูดซับคาร์บอนของต้นไม้
การคำนวณปริมาณคาร์บอนเครดิตที่ได้จากต้นไม้ 1 ต้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ชนิดของต้นไม้ อายุ ขนาด ความสามารถในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ และสภาพแวดล้อมที่ต้นไม้เติบโต โดยหลักๆ จะพิจารณาจากปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ต้นไม้สามารถดูดซับและกักเก็บได้ตลอดอายุของมัน ซึ่งอาจประมาณการได้ดังนี้:
1. ชนิดของต้นไม้: ต้นไม้แต่ละชนิดมีความสามารถในการดูดซับคาร์บอนต่างกัน ต้นไม้ที่โตเร็วและมีใบเยอะ เช่น ไม้ยืนต้นบางชนิด จะดูดซับคาร์บอนได้มากกว่าต้นไม้ขนาดเล็กหรือไม้พุ่ม
2. อายุและขนาดของต้นไม้: ต้นไม้ที่มีอายุมากหรือมีขนาดใหญ่กว่ามักจะดูดซับคาร์บอนมากขึ้น เพราะมีใบและลำต้นที่สามารถสังเคราะห์แสงและเก็บคาร์บอนในเนื้อไม้มากกว่า
โดยเฉลี่ยแล้ว ต้นไม้ 1 ต้นสามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 22 กิโลกรัมต่อปี ขึ้นอยู่กับชนิดของต้นไม้และสภาพแวดล้อมที่มันเติบโต
ถ้าคิดตลอดอายุการเจริญเติบโต (ประมาณ 40-50 ปี) ต้นไม้ต้นหนึ่งอาจสามารถดูดซับคาร์บอนได้ประมาณ 1 ตัน (1,000 กิโลกรัม) ของคาร์บอนไดออกไซด์ อย่างไรก็ตาม ค่าเฉลี่ยนี้อาจแตกต่างกันได้มากขึ้นอยู่กับต้นไม้แต่ละประเภท
ระยะห่าง 5 เมตร รถยนต์วิ่งผ่านสะดวก
การคำนวณรายได้จากคาร์บอนเครดิตต่อต้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ราคาในตลาดคาร์บอนเครดิต ชนิดของต้นไม้ อายุ และพื้นที่การปลูก โดยทั่วไป ราคา คาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) จะขึ้นอยู่กับตลาดคาร์บอนที่ซื้อขาย ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้
ปัจจุบัน (ข้อมูลจากหลายแหล่งในปี 2024) ราคาคาร์บอนเครดิตในตลาดโลกมีการซื้อขายที่ประมาณ 10 – 50 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตันคาร์บอนไดออกไซด์ (ประมาณ 350 – 1,750 บาท ต่อตัน)
ดังนั้น หากต้นไม้ 1 ต้นสามารถดูดซับคาร์บอนประมาณ 1 ตันตลอดอายุการเจริญเติบโต และราคาอยู่ที่ประมาณ 10 – 50 ดอลลาร์ต่อเครดิต คุณอาจได้รับรายได้ต่อ 1 ต้นอยู่ที่ประมาณ 350 – 1,750 บาท ต่ออายุของต้นไม้
อายุของต้นไม้ที่สามารถเริ่มสร้างคาร์บอนเครดิตได้โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 5 ปี ขึ้นไป ซึ่งเป็นช่วงที่ต้นไม้เริ่มมีขนาดใหญ่พอและมีความสามารถในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับที่นับเป็นเครดิตได้
อย่างไรก็ตาม บางโครงการอาจอนุญาตให้คำนวณคาร์บอนเครดิตตั้งแต่ช่วง 2-3 ปีแรกของการเติบโต ขึ้นอยู่กับชนิดของต้นไม้และวิธีการคำนวณที่ใช้ในโครงการคาร์บอนเครดิตนั้นๆ